1. ระยะเวลาการรับประกัน

- โครงสร้างอาคาร ได้แก่ เสาเข็ม ฐานราก เสาคาน พื้น โครงสร้างหลังคา และผนังรับน้ำหนัก (เฉพาะผนังที่ก่อสร้างด้วยคอนกรีตเสริมเหล็ก) ให้การรับประกันเป็นเวลา 5 ปี นับตั้งแต่วันที่โอนกรรมสิทธิ์

ยกเว้น : การฉาบพื้นผิว ซึ่งอาจจะเกิดรอยแตกร้าวลายงา ซึ่งจะรับประกันเพียง 1 ปีเท่านั้น โดยบริษัทฯ จะเก็บความเรียบร้อยสำหรับงานที่เสียหายดังกล่าวให้จำนวน 1 ครั้ง ก่อนหมดระยะเวลาการรับประกันบ้าน ทั้งนี้จะมีการเก็บสีให้เฉพาะจุดที่เกิดรอยร้าว หรือเฉพาะแผงที่เกิดรอยร้าวเท่านั้น

- ส่วนควบและอุปกรณ์ต่างๆ อันเป็นส่วนประกอบสำคัญของอาคาร : ให้การรับประกันเป็นระยะเวลา 1 ปี นับตั้งแต่วันที่โอนกรรมสิทธิ์โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
  • การรั่วซึมของน้ำฝนเข้าตามวงกบ ประตู หน้าต่าง หลังคา
  • ระบบไฟฟ้า ระบบประปา ระบบสุขาภิบาลท่อน้ำดี ท่อน้ำเสีย รั่วแตก
  • ผิวผนังก่อฉาบทั่วไป (โดยจะให้บริการซ่อมบำรุงส่วนงานดังกล่าว จำนวน 1 ครั้ง)
  • การยืด – หดตัวของบานไม้ หน้าต่าง ประตู พื้น ราวบันได จะมีการปรับแต่ง และทาสี เพื่อให้สามารถ ใช้งานได้เท่านั้น
  • รั้ว และกำแพง รับประกันระยะเวลา 1 ปี นับตั้งแต่วันที่โอนกรรมสิทธิ์ เป็นต้นไป ซึ่งจำกัดความรับผิดชอบเฉพาะความชำรุดบกพร่อง หรือความเสียหายที่เกิดขึ้นกับโครงสร้าง แต่ไม่รวมถึงประตู อุปกรณ์ รางเลื่อน บานพับ สี และส่วนอื่นๆ ที่เกิดสนิมขึ้นตามธรรมชาติของวัสดุที่อยู่กลางแจ้ง

2. เงื่อนไขการบริการซ่อมบำรุง

  • การซ่อมแซมแก้ไขความชำรุดบกพร่องทุกหมวดรายการข้างต้น บริษัทฯ จะซ่อมแซมเฉพาะส่วนที่เสียหายเท่านั้น
  • ก่อนดำเนินการซ่อมแซมแก้ไขงานในทุกหมวดรายการ ทางบริษัทฯ อาจตรวจสอบสาเหตุของปัญหาก่อนหรือไม่ก็ได้ ซึ่งขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของบริษัทฯ และทางบริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์ในการเข้าดำเนินการซ่อมแซมตามวิธีการมาตรฐานบริษัทฯ เห็นสมควร

3. กรณีจะไม่ได้รับสิทธิ์ในการรับประกันและบริการ ดังต่อไปนี้

  • เกิดจากการก่อสร้าง ตกแต่ง ต่อเติมอาคาร ที่ดำเนินการโดยเจ้าของบ้าน และ/หรือ บริวาร
  • เกิดจากการแก้ไขซ่อมแซม หรือติดตั้งวัสดุและอุปกรณ์ เครื่องใช้ที่ดำเนินการโดยเจ้าของบ้าน และ/หรือบริวาร โดยไม่ได้รับความยินยอมจากบริษัทฯ
  • การเสื่อมสภาพของวัสดุอันเนื่องมาจากการใช้งานตามปกติ และ/หรือ ตามปกติธรรมดาของวัสดุชนิดนั้นๆ เอง
  • เกิดจากการใช้งานที่ผิดวัตถุประสงค์ และ/หรือ ผิดปกติวิสัยของการใช้ทรัพย์สินนั้นๆ
  • การไม่ปฏิบัติตามคำแนะนำหรือขั้นตอนการใช้งานและการบำรุงรักษาของผลิตภัณฑ์แต่ละประเภท
  • เกิดจากการใช้งานผลิตภัณฑ์ที่ไม่ถูกต้องตามวิธีการที่ผู้ผลิตสินค้าแจ้งให้ทราบ
  • ความชำรุดบกพร่อง เสียหาย อันเกิดจากภัยธรรมชาติ หรือเหตุสุดวิสัยอื่นๆ อันไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้
  • ความชำรุดบกพร่อง และ/หรือ เสียหายที่เกิดจากการไม่เข้าอยู่อาศัยเป็นระยะเวลาต่อเนื่องกันเกินกว่า 3 เดือน
  • ความเสียหายจากกรณีที่มีปลวกขึ้นบ้าน เจ้าของบ้านควรติดต่อผู้ให้บริการป้องกัน และกำจัดปลวกโดยเร็ว หลังจากรับโอนกรรมสิทธิ์บ้านแล้ว
  • การทรุดตัว/ แตกร้าว ซึ่งตามปกติย่อมสามารถเกิดขึ้นได้ เช่น พื้นโรงจอดรถ พื้นลานซักล้าง
  • หลอดไฟฟ้า และอุปกรณ์ตกแต่งทั้งภายในและภายนอกบ้าน รับประกันภายใน 3 เดือนนับตั้งแต่วันที่ โอนกรรมสิทธิ์
  • รายการส่งเสริมการขายบางประเภทที่เจ้าของบ้านได้รับจากบริษัทฯ เช่น ชุดเฟอร์นิเจอร์ครัว สัญญาณกันขโมย เครื่องปรับอากาศ ปั้มน้ำ และอื่นๆ ที่บริษัทฯ จัดเตรียมไว้ให้เพื่อเป็นของกำนัลพิเศษ (ทั้งนี้เงื่อนไขการรับประกัน สินค้าดังกล่าวจะเป็นไปตามที่เจ้าของผลิตภัณฑ์กำหนด ซึ่งเจ้าของบ้านควรศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมตามใบรับประกันสินค้า)

4. ข้อควรปฏิบัติสำหรับเจ้าของบ้าน

  • การตกแต่งต่อเติมบ้านพักอาศัย (บ้านที่ก่ออิฐฉาบปูนทั่วไป) เจ้าของบ้านจะต้องคำนึงถึงโครงสร้างอาคารเป็นสำคัญ ดังนั้น จึงควรขอคำปรึกษา หรือสอบถามรายละเอียดจากวิศวกรผู้ออกแบบ หรือผู้เชี่ยวชาญ ก่อนดำเนินการ เพื่อป้องกันความเสียหาย และอันตรายที่อาจเกิดขึ้นต่อโครงสร้างเดิมของอาคาร หมายเหตุ หากเจ้าของบ้านรับโอนกรรมสิทธิ์ไปเรียบร้อยแล้ว ท่านมีหน้าที่ต้องชำระค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นภายในบ้าน ได้แก่ ค่ารักษามิเตอร์ไฟฟ้า ค่ารักษามิเตอร์น้ำประปา เป็นต้น ตามที่หน่วยงานราชการเรียกเก็บ หากท่านฝ่าฝืนไม่ชำระเงินภายในกำหนด จนเป็นเหตุให้ถูกระงับการใช้มิเตอร์ไฟฟ้า น้ำประปา เจ้าของบ้านจะต้องติดต่อหน่วยราชการและชำระเงินที่ค้างชำระ ค่าปรับ ให้แก่หน่วยราชการ ให้ครบถ้วนเองทั้งสิ้น

** เว้นแต่ ** การตกแต่งต่อเติมบ้าน ระบบพรีคาสท์ (ก่อสร้างด้วยผลิตภัณฑ์ชิ้นส่วนคอนกรีตสำเร็จรูป)

การต่อเติมบ้านที่ก่อสร้างด้วย ผลิตภัณฑ์ชิ้นส่วนคอนกรีตสำเร็จรูป หรือระบบพรีคาสท์คอนกรีต ต้องแยกวิธีการต่อเติมออกเป็นส่วนๆ ดังนี้

ระบบโครงสร้างอาคาร
  1. ไม่ควรทำการต่อเติม หรือขยายโครงสร้างใหม่โดยเด็ดขาด เว้นแต่กรณีมีความจำเป็น
  2. โครงสร้างที่ทำการต่อเติมหรือขยายใหม่ต้องแยกออกจากระบบโครงสร้างเดิมโดยเด็ดขาด (เสาเข็ม ฐานราก ผนัง คาน พื้น)
  3. ไม่ควรทุบผนัง เนื่องจากมีผลต่อความมั่นคงแข็งแรงของโครงสร้างโดยตรง หากมีความจำเป็นต้องดำเนินการ เช่น เจาะช่องเปิดผ่านผนังเพื่อการติดตั้งเครื่องปรับอากาศ หรือเพื่อเจาะช่องประตู/หน้าต่าง หรือขยายช่องประตู/หน้าต่าง เป็นต้น ควรสอบถามวิศวกร ผู้ออกแบบหรือผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้ความเห็นว่าสามารถดำเนินการได้หรือไม่ หรือเพื่อเลือกตำแหน่งที่มีผลกระทบกับความมั่นคงแข็งแรงของโครงสร้างน้อยที่สุด

ระบบไฟฟ้า สุขาภิบาล หรืองานระบบอื่นๆ
ทางบริษัทฯ ได้ออกแบบและติดตั้งระบบไฟฟ้า สุขาภิบาล และงานระบบอื่นๆ โดยการฝังท่อในผนังคอนกรีตตามตำแหน่ง เจ้าของบ้านจึงไม่ควรทำการต่อเชื่อมจากระบบที่ได้ฝังไว้ หรือสกัดฝังท่อเพิ่มเติม เนื่องจากอาจส่งผลกระทบต่อความมั่นคงแข็งแรงของโครงสร้างอาคาร ทั้งนี้ควรดำเนินการโดยเดินท่อนอกผนัง ซึ่งสามารถทำได้ง่าย สะดวก รวดเร็ว และไม่กระทบต่อโครงสร้างด้วย

การตกแต่งบ้าน เพิ่มเติมภายหลัง
สามารถเจาะเพื่อฝังพุก ยึด หรือการแขวนรูปภาพ หรือแขวนชั้นวางต่างๆ ได้ เว้นแต่การเจาะช่องผนัง เพื่อติดตั้งงานอื่นๆ เช่น ระบบไฟฟ้า หรือประปา เป็นต้น สามารถทำได้แต่ไม่ควรมีขนาดเกินกว่า 20 x 20 เซนติเมตร โดยตำแหน่งการเจาะจะต้องมีระยะห่างจากจุดต่อของผนังไม่น้อยกว่า 30 เซนติเมตร ทั้งนี้ควรแจ้งหรือปรึกษาวิศวกรผู้ออกแบบ เพื่อขอคำแนะนำก่อนการดำเนินการทุกครั้ง เพื่อความปลอดภัยในโครงสร้างบ้าน